เมื่อเครื่องหมายการค้าใดได้รับการจดทะเบียนแล้ว ตามปกติรายการทางทะเบียนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาที่ความประสงค์ของผู้ขอจดทะเบียน บางรายการกฎหมายเครื่องหมายการค้าจะอนุญาตให้แก้ไขรายการนั้นได้เพียงบางส่วน แต่ถ้ามิได้บัญญัติให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการอะไรไว้ นั่นหมายความว่า รายการนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากเป็นหัวใจของการตรวจสอบเครื่องหมายการค้าตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ฯ มาตรา 52 บัญญัติไว้ว่า เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้ว อาจขอให้นายทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการการจดทะเบียนได้เฉพาะในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) ยกเลิกรายการสินค้าบางอย่างที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว
(2) ชื่อ สัญชาติ ที่อยู่ และอาชีพของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น และของตัวแทน ถ้ามี
(3) สำนักงานหรือสถานที่ที่นายทะเบียนสามารถติดต่อได้
(4) รายการอื่นใดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ข้อ 34 ซึ่งได้กำหนดไว้ดังนี้
4.1 ยกเลิกตัวแทน
4.2 ตั้งหรือเปลี่ยนตัวแทน
4.3 สัญชาติ ที่อยู่ และอาชีพของผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า
จากข้อความที่กล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า กฎหมายได้บัญญัติไว้ว่า จะแก้ไขรายการทางทะเบียนได้แต่เฉพาะเรื่องอะไรได้บ้าง โดยที่มิได้บัญญัติในเรื่องการให้อำนาจนายทะเบียนที่จะอนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปเครื่องหมายการค้า การอ่านแปลเครื่องหมายการค้าไว้เลย สาเหตุเป็นเพราะรูปเครื่องหมายการค้าก็ดี การอ่านแปลเครื่องหมายการค้าก็ดี เป็นหัวใจสำคัญของการตรวจสอบว่าเครื่องหมายการค้านั้น ๆ จะรับจดทะเบียนได้หรือไม่ได้
ดังนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนแล้วรายใดจะยื่นคำร้องขอแก้ไขการอ่านแปลเครื่องหมายการค้าของตนเข้ามา ก็ขอให้พิจารณาให้ดี ๆ เพราะหากยื่นขออ่านแปลเข้ามาใหม่ นายทะเบียนจะไม่พิจารณาอนุญาต เนื่องจากการอ่านแปลของท่านในขณะที่ยื่นคำขอจดทะเบียนและก่อนการรับจดทะเบียนนั้น ได้ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องและมีการลงบันทึกสารบบเสียงของเครื่องหมายคำนั้นลงในสารบบคอมพิวเตอร์แล้ว การยื่นคำร้องขอแก้ไขการอ่านการแปลของท่านใหม่ในภายหลังเครื่องหมายการค้านั้นรับจดทะเบียนไปแล้ว นายทะเบียนไม่อาจดำเนินให้ได้เพราะจะส่งไปผลถึงเรื่องการตรวจสอบความเหมือนหรือคล้ายกันของเครื่องหมายการค้า และการมีลักษณะบ่งเฉพาะของเครื่องหมายการค้าของท่านหรือไม่ โดยท่านจะเสียค่าธรรมเนียมไปโดยเปล่าประโยชน์ และไม่อาจที่จะเรียกคืนจากทางราชการได้ด้วย
ข้อควรจดจำก็คือการอ่านแปลเครื่องหมายคำนั้น จะต้องเป็นเครื่องหมายคำที่เป็นภาษาต่างประเทศ ถ้าเป็นเครื่องหมายคำที่เป็นภาษาไทยไม่ต้องอ่านแปล เนื่องจากเป็นกรณีที่กฎกระทรวงมิได้กำหนดให้ต้องอ่านแปล แต่ถ้าหากท่านยังคงอ่านแปลเครื่องหมายการค้าที่เป็นภาษาไทยเข้ามา ท่านก็อาจจะต้องมาแก้ไขโดยขีดฆ่าการอ่านแปลนั้นออกจากคำขอจดทะเบียนซึ่งจะทำให้ท่านต้องเสียเวลามาดำเนินการในเรื่องนี้ ฉะนั้น ขอให้ระลึกไว้ว่า จะอ่านแปลก็แต่เฉพาะเครื่องหมายการค้าที่เป็นเครื่องหมายคำที่เป็นภาษาต่างประเทศเท่านั้น
ในบางกรณีไม่สดวกในการหาพจนานุกรม เนื่องจากเป็นภาษาที่คนไทยไม่คุ้นเคย โปรดอย่าเดาสุ่มอ่านแปลมา เพราะนายทะเบียนจะสั่งการให้ท่านส่งหลักฐานการอ่านแปลมาประกอบการพิจารณาทุกครั้งไปอยู่แล้ว ดังนั้น ก่อนจะยื่นคำขอจดทะเบียน ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศที่คนไทยไม่คุ้นเคยกัน เช่น ภาษาอาหรับ ภาษาท้องถิ่นของต่างประเทศ ขอให้ท่านส่งหลักฐานของผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษานั้น ๆ มาประกอบการจดทะเบียนด้วยทุกครั้งไป เช่น คำรับรองคำอ่านคำแปลของเจ้าหน้าที่ของสถานฑูตของประเทศนั้น ๆ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยก็ได้ จะทำให้การยื่นคำขอจดทะเบียนของท่านได้รับการพิจารณาได้รวดเร็วขึ้น
เมื่อทราบถึงความสำคัญของการที่ต้องอ่านแปลเครื่องหมายการค้าที่เป็นเครื่องหมายคำเช่นนี้แล้ว เมื่อเวลาที่จะยื่นคำขอจดทะเบียน ท่านสามารถที่จะใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาเบื้องต้นได้ส่วนหนึ่งว่า เครื่องหมายการค้าของท่านที่จะขอจดทะเบียนนั้น มีโอกาสในการที่จะได้รับการจดทะเบียนได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจในการยื่นคำขอจดทะเบียนได้บ้าง
ฉะนั้น เมื่อท่านจะยื่นคำขอจดทะเบียน ถ้าเป็นเครื่องหมายคำ ขอให้ท่านระบุคำอ่านและคำแปลมาให้ครบถ้วน โดยให้ท่านยึดหลักการอ่านแปลตามพจนานุกรมที่ได้มาตรฐาน ไม่จำเป็นต้องเป็นพจนานุกรมที่มีราคาแพง จะเป็นพจนานุกรมที่ใช้เรียนกันในชั้นประถมหรือมัธยมก็ได้ อย่าอ่านแปลเครื่องหมายการค้าที่เป็นเครื่องหมายคำตามใจของท่าน หรือมีเจตนาบิดเพี้ยนการแปล เนื่องจากนายทะเบียนจะต้องสั่งการให้ท่านอ่านแปลใหม่ให้ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ท่านต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมคำร้องการอ่านแปลใหม่ต่างหาก และเสียเวลาในการมาติดต่อกับทางราชการอีกด้วย
การเก็บสารบบเครื่องหมายคำที่เป็นภาษาจีนก็ยังคงยึดหลักแนวการปฎิบัติเดิมคือ เก็บเครื่องหมายคำที่เป็นภาษาจีนตามสำเนียงจีนแต้จิ๋วมาโดยตลอด เนื่องจากกฎกระทรวง (พ.ศ.2535) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 และผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2535 ข้อ 12 กำหนดว่า “ เครื่องหมายการค้าที่ขอจดทะเบียน ถ้าเป็นภาษาต่างประเทศ ให้ระบุคำอ่านและคำแปลเป็นภาษาไทยไว้ด้วย เว้นแต่ข้อความที่เป็นภาษาต่างประเทศนั้นมิใช่กรณีที่จะจัดทำคำแปลได้ ทั้งนี้ โดยจัดให้มีคำรับรองคำอ่านและคำแปลดังกล่าวว่าถูกต้องของผู้ขอมาในคำขอจดทะเบียนด้วย ”
@@@@@@@@@@@@@@@@
นายพิบูล ตันศุภผล นบ., นบท.
นายทะเบียนเครื่องหมายการค้า
21 มีนาคม 2550
นายพิบูล ตันศุภผล นบ., นบท.
นายทะเบียนเครื่องหมายการค้า
21 มีนาคม 2550